30 ส.ค. 2016 | บทความ
ฤดูฝนปีนี้นอกจากจะมาเร็วแล้ว ฝนยังตกชุกในทุกพื้นที่ของประเทศ และปัญหาที่มาพร้อมๆ กับหน้าฝน ได้แก่ ปัญหาสุขภาพที่ทุกคนต้องหันมาใส่ใจดูแลสุขภาพของตนเองและคนในครอบครัวให้แข็งแรง นอกจากเรื่องสุขภาพแล้วความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ยังเป็นเรื่องหนึ่งที่ต้องให้ความสำคัญด้วย โดยเฉพาะเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน ควรต้องดูแลและตรวจเช็คอุปกรณ์ไฟฟ้าเป็นพิเศษ เพราะนอกจากจะช่วยป้องกันอันตรายที่อาจจะเกิดจากไฟฟ้าดูด ไฟฟ้ารั่วแล้ว ยังช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในบ้านได้อีกด้วย
การดูแลเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน
- ขณะที่มีฝนตกฟ้าคะนอง ควรหลีกเหลี่ยงการใช้อุปกรณ์ไฟฟ้า อาทิ โทรทัศน์ วีดีโอ เครื่องเสียง คอมพิวเตอร์ เป็นต้น และเพื่อป้องกันไม่ให้อุปกรณ์ไฟฟ้าเหล่านี้ชำรุดเสียหายเมื่อเกิดฟ้าผ่าขึ้นในบริเวณใกล้เคียง ควรปิดสวิตซ์ที่เครื่องและถอดปลั๊กทุกครั้งเมื่อเลิกใช้งาน ไม่ควรปิดที่รีโมท เพราะเครื่องใช้ไฟฟ้ายังทำงานอยู่ และที่สำคัญ หากเกิดฟ้าผ่าขึ้นในบริเวณใกล้เคียง อาจจะทำให้เครื่องใช้ไฟฟ้าที่เสียบปลั๊กไฟทิ้งไว้เสียหายได้
- นอกจากนี้ การปิดโทรทัศน์จากรีโมท เครื่องยังคงใช้ไฟอยู่ประมาณ 5 วัตต์ หากทำเช่นนี้เป็นเวลา 12 ชั่วโมง จะสิ้นเปลืองไฟโดยเปล่าประโยชน์ 0.060 หน่วย/เครื่อง หรือคิดเป็นเงิน 0.21 บาท/เครื่อง* ดังนั้นหากปิดเครื่องด้วยรีโมทเพียงอย่างเดียวสัก 1 ล้านเครื่องเป็นเวลา 12 ชั่วโมง จะสิ้นเปลืองไฟรวมประมาณ 60,000 หน่วย หรือคิดเป็นเงิน 2.1 แสนบาท
หมั่นตรวจเช็คอุปกรณ์ไฟฟ้าบริเวณนอกบ้าน
เนื่องจากอุปกรณ์ไฟฟ้าที่อยู่บริเวณที่โล่งแจ้งมีโอกาสชำรุดจากการถูกแดดส่องและน้ำฝนได้ ดังนั้นจึงต้องหมั่นตรวจเช็คอุปกรณ์ไฟฟ้าให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน โดยปฏิบัติได้ง่ายๆดังนี้
- ตรวจเช็คกริ่งประตู หากมีรอยแตกชำรุดเสียหายหรือพบสายไฟมีรอยฉีกขาดควรเปลี่ยนใหม่ และควรเลือกกริ่งประตูแบบชนิดกันน้ำที่มีฝาครอบปิด พร้อมทั้งยาแนวซิลิโคนรอบกริ่งอีกชั้นหนึ่ง เพื่อลดความเสี่ยงต่อการถูกไฟฟ้าดูด
- ตรวจดูโคมไฟสนามหรือโคมไฟหน้าบ้าน ให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน รวมถึงควรใช้หลอดเกลียวที่ให้ความสว่างประมาณ 500 – 600 ลักส์** ซึ่งเพียงพอกับความต้องการปละช่วยประหยัดไฟได้กว่า 480 บาท/ปี และสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้ามคือ การติดตั้งสายดินโคมไฟเพื่อป้องกันอันตรายจากกระแสไฟฟ้ารั่ว
- ตรวจเช็คสายไฟและปลั๊กไฟที่อยู่บริเวณนอกบ้าน ควรตรวจสอบสายไฟที่มีอายุการใช้งานเกิน 5 ปี หากพบสิ่งผิดปกติ ปลั๊กไฟชำรุด หรือใช้งานมานาน ควรติดต่อช่างไฟฟ้าโดยตรงเพื่อเปลี่ยนสายไฟและปลั๊กไฟ โดยเลือกใช้ขนาดและชนิดที่เหมาะสมกับสภาพการใช้งาน ที่สำคัญต้องเลือกวัสดุที่ทนต่อแสงแดดและกันน้ำได้ด้วย เพราะหากอยู่ในสภาพไม่พร้อมใช้งานอาจก่อให้เกิดอันตรายกับผู้ใช้ได้
การดูแลรักษาและการตรวจเซ็คอุปกรณ์ไฟฟ้า เป็นสิ่งสำคัญที่ต้องปฏิบัติอย่างเคร่งครัดเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน และยืดอายุการใช้งานของอุปกรณ์ไฟฟ้า อีกทั้งยังช่วยให้ประหยัดพลังงาน รวมถึงเพิ่มความปลอดภัยให้กับผู้ใช้งาน
22 ส.ค. 2016 | บทความ
ระหว่างวันที่ 22 สิงหาคม 2559 – 28 สิงหาคม 2559 |
การคาดหมาย |
ในช่วงวันที่ 22 -23 ส.ค.ร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนเข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงบริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน ส่วนมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้และอ่าวไทย ส่วนในช่วงวันที่ 24 -28 ส.ค.ร่องมรสุมจะเลื่อนลงพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือเข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงบริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้และอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น ทำให้คลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันมีกำลังแรงขึ้น
ข้อควรระวัง
ในช่วงวันที่ 22-23 ส.ค.ขอให้ประชาชนในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ระวังอันตรายจากฝนตกหนัก และฝนที่ตกสะสมไว้ด้วย ส่วนในช่วงวันที่ 24-28 ส.ค. ขอให้ประชาชนในภาคตะวันออก และภาคใต้ ระวังอันตรายจากฝนตกหนัก และฝนที่ตกสะสมไว้ด้วย ส่วนในช่วงวันที่ 24-28 ส.ค. สำหรับชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และเรือเล็กควรงดออกจากฝั่ง |
ลักษณะสำคัญทางอุตุนิยมวิทยา |
ในช่วงวันที่ 22-23 ส.ค. ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จะมีฝนเพิ่มขึ้นกับมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนในช่วงวันที่ 24-28 ส.ค. ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ จะมีฝนเพิ่มขึ้นกับมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันจะมีกำลังแรงขึ้น โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร |
ภาคเหนือ |
- ในช่วงวันที่ 23-24 ส.ค. มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง
- ส่วนในช่วงวันที่ 25 -28 ส.ค.มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่
- อุณหภูมิต่ำสุด 20-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-36 องศาเซลเซียส
- ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม. /ชม.
|
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ |
- ในช่วงวันที่ 22-24 ส.ค. มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ กับมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนมากทางตอนบนของภาค
- ส่วนในช่วงวันที่ 25 -28 ส.ค.มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ กับมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนมากทางตอนล่างของภาค
- อุณหภูมิต่ำสุด 23-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-36 องศาเซลเซียส
- ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม. /ชม.
|
ภาคกลาง |
- ในช่วงวันที่ 22-24 ส.ค. มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 20-30 ของพื้นที่
- ส่วนในช่วงวันที่ 25-28 ส.ค. มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่
- ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม. /ชม.
- อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-36 องศาเซลเซียส
|
ภาคตะวันออก |
- ในช่วงวันที่ 22-26 ส.ค. มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 30-40 ของพื้นที่
- ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม. /ชม.
- ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร
- ส่วนในช่วงวันที่ 27-28 ส.ค. มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ กับมีฝนตกหนักบางแห่ง
- ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-35 กม. /ชม.
- ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองทะเลมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร
- อุณหภูมิต่ำสุด 24-29 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส
|
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) |
- ในช่วงวันที่ 22-25 ส.ค. มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 30-40 ของพื้นที่
- ส่วนในช่วงวันที่ 26-28 ส.ค. มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ กับมีฝนตกหนักบางแห่ง
- ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม. /ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ห่างฝั่งมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร
- อุณหภูมิต่ำสุด 23-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส
|
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) |
- ในช่วงวันที่ 22-23 ส.ค. มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 30-40 ของพื้นที่
- ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-35 กม. /ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองทะเลมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร
- ในช่วงวันที่ 24-28 ส.ค. มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ กับมีฝนตกหนักบางแห่ง
- ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-40 กม. /ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองทะเลมีคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร
- อุณหภูมิต่ำสุด 24-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-34 องศาเซลเซียส
|
กรุงเทพมหานครและปริมณฑล |
- มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ ตลอดช่วง ส่วนมากในช่วงระหว่างบ่ายถึงค่ำ
- กับมีฝนตกหนักบางแห่งในช่วงวันที่ 26-28 ส.ค.
- ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม. /ชม.
- อุณหภูมิต่ำสุด 25-28 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-36 องศาเซลเซียส
|
ออกประกาศ 22 สิงหาคม 2559 |
ที่มา : http://www.tmd.go.th/7-day_forecast.php (กรมอุตุนิยมวิทยา)
Recent Comments