
นพชัย วีระมาน นำแบรนด์มาสเตอร์คูลเข้ารับรางวัลผู้พิชิตยอดเขานวัตกรรม จาก สวทช.
นพชัย วีระมาน นำแบรนด์มาสเตอร์คูลเข้ารับรางวัลผู้พิชิตยอดเขานวัตกรรม จาก สวทช.
พัดลมไอน้ำแบรนด์ไทยจับมือพี่เลี้ยงเทคโนโลยี “ไอแทป สวทช.” สร้างสินค้านวัตกรรมตอบโจทย์ผู้ใช้ ล่าสุดกับผลงานพัดลมไอเย็นแก้ปัญหาความชื้น-เชื้อราสำหรับอาคารไม้ สร้างรายได้กว่า 100 ล้านบาท ส่งผลให้ “มาสเตอร์คูล” เป็น 1 ใน 5 ผู้ประกอบการที่ได้รับรางวัล “ผู้พิชิตยอดเขานวัตกรรม” จากสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) มอบให้กับบริษัทที่มีการดำเนินธุรกิจจากการไต่ระดับเทคโนโลยี เพื่อเป็นต้นแบบการปลดล็อกข้อจำกัดทางธุรกิจด้วยเทคโนโลยี/นวัตกรรม รวมทั้งพัฒนาศักยภาพของผู้ประกอบการเอสเอ็มอีให้ยั่งยืนและเข้มแข็งต่อไป
นวัตกรรมความเย็นฉบับมาสเตอร์คูล
มาสเตอร์คูล ได้รับการยอมรับความเป็นมืออาชีพในตลาดผลิตภัณฑ์ความเย็นโดยเฉพาะพัดลมไอน้ำ เป็น 1 ในผู้ประกอบการที่เข้ารับการสนับสนุนจากโปรแกรมสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีของอุตสาหกรรมไทย (iTAP) สวทช. ตั้งแต่ปี 2549 ชิ้นงานล่าสุดเป็นการวิจัยปิดช่องว่างพัดลมไอน้ำ ซึ่งผู้บริโภควิตกเรื่องไอน้ำที่ทำให้เกิดความชื้นและส่งผลถึงสุขภาพ หรือกลัวบ้านไม้ เฟอร์นิเจอร์ไม้มีปัญหาเชื้อรา
“เราร่วมกับผู้เชี่ยวชาญขบคิดออกมาเป็นพัดลมไอเย็นที่ให้ความเย็นโดยไม่มีไอน้ำ พร้อมติดตั้งเซนเซอร์จับความชื้นเพื่อให้ลูกค้ามั่นใจว่า ขณะใช้งานมีความชื้นมากเกินไปหรือไม่ ซึ่งถือว่า ประสบความสำเร็จมากกว่าที่คิด จากที่ตั้งเป้ารายได้สำหรับผลิตภัณฑ์นี้ที่ 20-30 ล้านบาท แต่ขายได้กว่า 100 ล้านบาท”นพชัย วีระมาน กรรมการผู้จัดการบริษัท มาสเตอร์คูล อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) กล่าว
มาสเตอร์คูลเป็นตัวอย่างของเอกชนไทยที่ใช้นวัตกรรมเป็นกลไกขับเคลื่อนธุรกิจ โดยถือเป็นตัวช่วยสำคัญในการฉีกหนีและก้าวล้ำสินค้าประเภทเดียวกันในตลาด“สินค้าของบริษัทมีขายอยู่แล้วในตลาด
พร้อมคู่แข่งอีกมาก เราอาจสู้ไม่ได้หากทำของที่เหมือนกัน ไม่มีจุดเด่น นวัตกรรมจึงเป็นตัวช่วยสำคัญ โดยทุกโครงการวิจัยต้องเสร็จออกมาเป็นผลิตภัณฑ์ และมีการทำตลาดจริง
”จุดเด่นของไอแทปคือ วิธีการทำงานไม่ยุ่งยากซับซ้อน ในขณะเดียวกันก็เข้าในธุรกิจระดับหนึ่งทำให้การทำงานร่วมกันกับเอกชนอย่างเข้าใจ ขณะที่มาสเตอร์คูลเองก็มีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาสินค้าบนโจทย์ปัญหาที่ชัดเจน
อย่างไรก็ตาม บริษัทมีงบวิจัยค่อนข้างจำกัดอย่างปี 2558 ใช้เงินวิจัยไปราว 5 ล้านบาทสำหรับนโยบายหลักที่มุ่งวางขายผลิตภัณฑ์ใหม่ 1-2 รุ่นต่อปี มีทั้งการปรับปรุงผลิตภัณฑ์เดิมที่บริษัททำเอง และการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ต้องพึ่งไอแทป ส่วนปี 2559 สินค้าใหม่จะมีพัดลมไอเย็นรุ่นเล็ก 2 รุ่น และมีแผนขยายไลน์สินค้าอื่นที่ใช้ความชำนาญด้านเทคโนโลยีโอโซน ซึ่งคาดจะวางตลาดในปี 2560
ไอแทปมีเป้าหมายเพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับเอสเอ็มอี ด้วยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม โดยสนับสนุนค่าที่ปรึกษาเทคโนโลยีเพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถเข้าถึงองค์ความรู้ที่เหมาะสมกับการพัฒนาธุรกิจอย่างเต็มที่ ที่ผ่านมามีเอสเอ็มอีที่เข้าร่วมโครงการแล้ว 7,000 ราย มีผลสำเร็จ 80% ช่วยให้เกิดการจ้างงานและการลงทุนรวมกว่า 6,000 ล้านบาท
ย้อยรอยเส้นทางสร้างความต่าง
Recent Comments