ผู้นำแก้ไขปัญหาอากาศร้อน ระบบประหยัดพลังงานรักษาสิ่งแวดล้อม
029538800
แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพฯ 10900

ประวัติความเป็นมาและพัฒนาการที่สำคัญ

บริษัท มาสเตอร์คูล อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (“บริษัท”) เริ่มจัดตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 3 มิถุนายน 2545 โดยนายนพชัย วีระมาน และกลุ่มเพื่อน ด้วยทุนจดทะเบียนเริ่มต้น 2,000,000 บาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 200,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท เพื่อประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายพัดลมไอน้ำ โดยบริษัทเป็นรายแรกที่มีการวิจัยและพัฒนาพัดลมไอน้ำ เพื่อใช้ในการแก้ปัญหาอากาศร้อนในสถานที่ที่ไม่สามารถติดตั้งเครื่องปรับอากาศได้

บริษัทได้รับรางวัล PM Award ประจำปี 2551 (Prime Minister’s Export Award 2008) ประเภทใช้ตราสินค้าตัวเอง (Thai-Owned Brand)

บริษัทได้เพิ่มทุนจดทะเบียนอีกจำนวน 4 ครั้ง เป็น 44,400,000 บาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 4,440,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท โดยเสนอขายหุ้นและจัดสรรให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิม เพื่อรองรับการขยายตัวทางธุรกิจของบริษัท โดยการเพิ่มทุนครั้งที่ 4 นั้น บริษัทได้เสนอขายและจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนบางส่วนจำนวน 440,000 หุ้น ให้กับบริษัทร่วมทุน เค-เอสเอ็มอี จำกัด (“K-SME”) ในราคาหุ้นละ 20 บาท (มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท)


บริษัท และผู้ถือหุ้นของบริษัท 3 รายลงนามในสัญญาร่วมลงทุนและสัญญาระหว่างผู้ถือหุ้นกับ K-SME นอกจากนี้ บริษัทได้เริ่มทดลองนำเข้าพัดลมไอเย็นซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่มาจำหน่ายภายในประเทศ

บริษัทร่วมก่อตั้งบริษัท อินโนว์ กรีน โซลูชั่น จำกัด (“Ingreen”) กับบุคลที่ไม่เกี่ยวข้องกัน ด้วยทุนจดทะเบียนเริ่มแรก 1,000,000 บาท จำนวน 10,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 100 บาท โดยบริษัทถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 49.99 เพื่อดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์โอโซน

บริษัทเพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 70,000,000 บาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 7,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท โดยเสนอขายหุ้นและจัดสรรให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิม กรรมการ ผู้บริหารและพนักงานบางส่วนที่ราคาตามมูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท


บริษัทได้ซื้อหุ้น Ingreen เพิ่มจากผู้ถือหุ้นเดิมที่ไม่ใช่บุคคลที่เกี่ยวข้องกันจำนวน 5,0000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 100 บาท ที่ราคาตามมูลค่าทางบัญชีของ Ingreen ณ ขณะนั้น ส่งผลให้บริษัทสัดส่วนการถือหุ้นใน Ingreen ร้อยละ 99.98 และทำให้ Ingreen มีสถานะเป็นบริษัทย่อยของบริษัท


ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 2/2557 เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2557 ได้มีมติอนุมัติให้ดำเนินการดังนี้


  1. แปรสภาพเป็นบริษัทมหาชนจำกัด
  2. เปลี่ยนแปลงมูลค่าที่ตราไว้จากหุ้นละ 10 บาทเป็นหุ้นละ 0.25 บาท
  3. เพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 120,000,000 บาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 480,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.25 บาท โดยมีรายละเอียดการจัดสรรดังนี้
    • หุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 80,000,000 หุ้น จัดสรรให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้น
    • หุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 120,000,000 หุ้น จัดสรรให้แก่ประชาชนทั่วไป

บริษัทจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงทุนชำระแล้วเป็น 90,000,000 บาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 360,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.25 บาท โดยเสนอขายหุ้นและจัดสรรให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.25 บาท

23 กันยายน 2558 บริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) และ เสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) ในกลุ่มอุตสาหกรรมบริการ ด้วยรหัสหลักทรัพย์ KOOL และบริษัทเพิ่มทุนจดทะเบียนชำระแล้วเป็น 120,000,000 บาท

บริษัทเปิดตัวสินค้านวัตกรรมพัดลมไอเย็นแบบดึงลมเข้ารอบทิศทาง รุ่น KOOLBOT ซึ่งสร้างความเย็นได้เต็มประสิทธิภาพ

บริษัทเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัท อินโนว์ กรีน โซลูชั่น จำกัด (บริษัทย่อย) จากทุนจดทะเบียนเดิม 1,000,000 บาทเป็นทุนจดทะเบียน 30,000,000 บาท

สินค้านวัตกรรม “พัดลมเย็นไล่ยุง” ออกสู่ตลาด เป็นพัดลมไอเย็นที่มีฟังก์ชั่นการไล่ยุงด้วยคลื่นความถี่สูง

บริษัทได้สนับสนุนติดตั้งหอฟอกอากาศเพื่อกรองฝุ่นละอองขนาดเล็กมอบให้กับสำนักงานเขตกรุงเทพมหานคร เพื่อช่วยบรรเทาผลกระทบมลพิษทางอากาศให้กับประชาชนทั่วไป

บริษัทได้ออกผลิตภัณฑ์ Health & Hygiene ทั้งเครื่องฟอกอากาศ เครื่องฆ่าเชื้อโรคในอากาศ เครื่องอบโอโซนอเนกประสงค์ และเครื่องผลิตน้ำยาฆ่าเชื้อโรค

วันที่ 16 มิถุนายน 2564 บริษัทได้ดำเนินการจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงทุนชำระแล้วเป็น 180,000,000 บาท โดยแบ่งออกเป็นหุ้นสามัญ จำนวน 720,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.25 บาท การเปลี่ยนแปลงทุนชำระแล้วดังกล่าวเป็นผลมาจากการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้น (Right Offering)


วันที่ 27 สิงหาคม 2564 บริษัทได้ดำเนินการจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงทุนชำระแล้วเป็น 198,000,000 บาท โดยแบ่งออกเป็นหุ้นสามัญ 792,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.25 บาท


วันที่ 21 ธันวาคม 2564 บริษัทได้ดำเนินการจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงทุนชำระแล้วเป็น 214,250,000 บาท โดยแบ่งออกเป็นหุ้นสามัญ จำนวน 857,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.25 บาท การเปลี่ยนแปลงทุนชำระแล้วดังกล่าวเป็นผลมาจากการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนแบบเฉพาะเจาะจงให้แก่บุคคลในวงจำกัด (Private Placement)

บริษัทได้ดำเนินการจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงทุนชำระแล้ว จากการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนแบบเฉพาะเจาะจงให้แก่บุคคลในวงจำกัด (Private Placement) จำนวน 4 ครั้ง ดังนี้


    • วันที่ 7 มกราคม 2565 จดทะเบียนเปลี่ยนแปลงทุนชำระแล้วเป็น 230,500,000 บาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญ จำนวน 922,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.25 บาท
    • วันที่ 17 มกราคม 2565 จดทะเบียนเปลี่ยนแปลงทุนชำระแล้วเป็น 244,380,000 บาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญ จำนวน 977,520,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.25 บาท
    • วันที่ 19 มกราคม 2565 จดทะเบียนเปลี่ยนแปลงทุนชำระแล้วเป็น 290,149,317 บาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญ จำนวน 1,160,597,268 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้ 0.25 บาท โดยบริษัทได้เข้าทำรายการได้มาซึ่งสินทรัพย์ และรายการที่เกี่ยวโยงกัน ได้แก่ การรับโอนกิจการทั้งหมดของ บริษัท สาทรสินทรัพย์ จำกัด และการเข้าซื้อหุ้นร้อยละ 99.99 ของ บริษัท แคปปิตอล ลิ้งค์ อุดรธานี จำกัด โดยชำระค่าตอบแทนเป็นหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัท ทำให้บริษัทเข้าถือหุ้นในบริษัทย่อยเพิ่มขึ้นจำนวน 4 บริษัท ได้แก่ บริษัท แคปปิตอล ลิ้งค์ โฮลดิ้ง จำกัด บริษัท แคปปิตอล ลิ้งค์ แอ๊ดไวเซอรี่ จำกัด บริษัท แคปปิตอล ลิ้งค์ ลีสซิ่ง จำกัด (มหาชน) บริษัท แคปปิตอล ลิ้งค์ อุดรธานี จำกัด และกิจการร่วมค้า จำนวน 2 บริษัท ได้แก่ บริษัท เอช-ดู (ประเทศไทย) จำกัด บริษัท บริหารสินทรัพย์ เอช-ดู จำกัด
    • วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2565 จดทะเบียนเปลี่ยนแปลงทุนชำระแล้วเป็น 300,000,000 บาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญ จำนวน 1,200,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.25 บาท


วันที่ 14 มิถุนายน 2565 บริษัทได้ดำเนินการจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงทุนชำระแล้วเป็น 618,067,925.75 บาท โดยแบ่งออกเป็นหุ้นสามัญ จำนวน 2,472,271,703 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.25 บาท การเปลี่ยนแปลงทุนชำระแล้วดังกล่าวเป็นผลมาจากการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้น (Right Offering)